ผมเล็งกล้องนี้ไว้นานมาก Canon EOS R5 แต่สเปคมันสูงเกินไป ระบบเลนส์ RF ยังไม่พอต่อการใช้งานก็เลยซื้อมาช้า แต่จนถึงวันนี้ ทางแคนนอนยังไม่ออกฟิกครบช่วง ที่ซื้อมาเพราะรอไม่ไหว ไม่มีวี่แววว่าจะออกกล้องฟูลเฟรมใหม่
ผมตัดสินใจซื้อมาใช้กับเลนส์ Sigma เมาท์ EF ไปก่อน ส่วน RF ที่ผมใช้มีอยู่ไม่กี่ตัว 24-105mm f4, 35mm f1.8 และ 85mm f2 ถ้าจะซื้อ RF ตัวถัดไป คิดว่าจะซื้อเลนส์ซูม กำลังเก็บเงินซื้อ 24-75mm f2.8 ไม่ก็ 28-70mm f2 ตัวหลังนี้หนักมาก เป็นตัวจบที่โหดทั้งสเปคและราคา
รีวิวนี้ จะเน้นบอกเล่าความรู้สึกการใช้งาน จะมีรีวิวย่อยๆ รวมทั้งรีวิวฉบับเต็มออกมาภายหลัง
บอดี้กล้อง EOS R5 ฟิลลิ่งที่สไม่เหมือนมิเรอร์เลส
สัมผัสแรกที่ได้ลองจับ มันแตกต่างกับกล้องมิเรอร์เลสทั่วไปมากๆ ตัวเก่าที่ผมใช้คือ EOS R จริงๆแล้วมันค่อนข้างเข้ามือผมมากเลยนะ ส่วนตัว EOS R5 นี้มันหนาขึ้น ใหญ่ขึ้น แต่จับถือได้อย่างมั่นคง
ส่วนที่ตัดใจเลือก R5 ไม่เลือก R6 สำคัญตรงที่การโหมดควบคุมเป็นปุ่มและมีจอเล็กๆบนบอดี้ ดีไซน์มันดูสวย ผมชอบแบบนี้มากกว่าใช้แป้นหมุน
คนที่จะอัพมาจาก DSLR ผมว่าเริ่มต้นกับ R5 หรือ R6 จะได้ฟิลลิ่งการจับถือที่คล้ายกัน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ “เทคโนโลยี” เพราะทาง Canon มุ่งมันพัฒนามาด้านนี้แล้ว ที่สำคัญคุณจะหมดปัญหาเรื่องการโฟกัส ถ้ายิงเข้าจุด ยังไงก็ชัด 100% ไม่มีปัญหา front/back ไม่ต้องจูนเลนส์
เหลือแค่เปิดใจ และมีงบที่เพียงพอ หลังจากได้ลองใช้ผมพูดได้เต็มปากว่า R5 R6 คู่ควรที่กลุ่มชาวกระจกจะย้ายมาใช้กล้องมิเรอร์เลส
ตัดสินใจอยู่หลายเดือน ไม่เลือก EOS R6 และเอา R5
การที่ผมจะซื้อกล้องสักตัว ไม่ได้ปุบปับควักกระเป๋าแล้วเดินเข้าร้านกล้องทันที แต่ดูรีวิวและคิดอยู่นานมาก จริงๆแล้วศึกษามาเรื่อยๆ เปรียบเทียบระหว่าง R5 กับ R6 แบบไหนที่เหมาะกับตัวเองมากว่า
R6 มีสเปคที่เหมาะกับผมมากเลย ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มีขนาดไฟล์ที่กำลังดี ถ่ายวิดีโอก็ไม่ได้อะไรมาก งานวิดีโอ ผมถ่ายแค่เป็นคลิปสั้นๆ ครั้งละไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ เอาไปลง Reel ใน Instagram แค่นั้น
R5 จริงๆแล้ว สเปคมันสูงกว่าที่ผมต้องการ ราคาก็สูงมาก เหตุผลหลักที่ผมเลือกคือ “ดีไซน์โหมดควบคุมที่มีจอด้านบน” เหตุผลแค่นี้จริงๆนะ ถ้าเทียบกับตัว R6
ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล ค่อนข้างเกินความจำเป็น แต่คิดว่าซื้อมาเผื่อๆก็ไม่เสียหาย ส่วนวิดีโอ 8K นี้ไม่ได้ใช่แน่นอน ปกติไม่ได้ถ่าย 4K ด้วย เพราะเอาไปลง Reel แค่นั้น
แต่สิ่งที่ตัดสินใจเจาะจงว่าเป็นกล้อง Canon ไม่ใช่ค่ายอื่น เพราะ “สกินโทนแบบมหาชน” และ “ระบบของแคนนอน”
ใช้งาน R5 ร่วมกับเลนส์ Sigma 85mm f1.4 Art
ผมมี Sigma Art อยู่ 4 ตัว 35 f1.4, 50 f1.4, 85 f1.4 และ 135 f1.8 น่าจะได้ทยอยลองให้ครบทุกเลนส์
สัมผัสแรกที่ได้ใช้ ดีกว่าตอนใช้ R มากๆ ส่วนหนึ่งเพราะ R5 มีกันสั่น เท่าที่จำได้ เลนส์อะไรก็ตามเมื่อต่อกับอแดปเตอร์เมาท์ EF มันจะได้กันสั่น 8 สตอป (ผมเคยดูในไลฟ์ การพูดคุยของตัวแทน Canon)
แต่ไม่ว่าจะกี่สตอป ความประทับใจแรกของผมคือ วันนั้นถ่ายรูปไปทั้งหมด 724 ชอต แต่มีรูปหลุดโฟกัสแค่ 2 รูป และไม่มีรูปเบลอจากการที่กล้องสั่น เรียกว่าได้รูปที่ชัดมา 99.72% จากจำนวนการถ่ายทั้งหมด
เหมือนจะดูเวอร์นะ แต่มันเป็นความจริง อาจจะขึ้นอยู่กับพฤกรรมการจับกล้องของแต่ละคนด้วย ถ้าตอนถ่ายทำมือให้นิ่งๆ กดชัตเตอร์แล้วมือยังนิ่งอยู่ ไม่ใช่กระชากกล้องหรือรีบเอามือลง ยังไงรูปก็ชัดชัวร์ แต่ในเซ็ตนี้ผมมีเดินถ่ายรูปด้วยนะ และบางชอตก็ให้น้องนางแบบวิ่งเข้าหากล้อง
R5 สำหรับผม มันคือกล้องที่ปลุกวิญญาณเลนส์ EF รุ่นเก่าๆ ให้กลับมาโฟกัสไวได้อย่างเทพ
จากประสบการณ์ที่ใช้ R และ RP มาก่อน ใส่เลนส์ Sigma มันไม่ได้โฟกัสดีขนาดนี้
ตัวอย่างภาพถ่ายชุดนักเรียน EOS R5 ไฟล์ Jpeg ไม่แต่งรูป
นางแบบ เอ๊ะ @eae__jung
ช่างภาพ แม็กนั่ม @magnumx.me
นางแบบคนแรกที่ได้มาลองกล้อง R5 กับผมวันนั้นก็คือน้องเอ๊ะ นักเรียนชั้น ม.6 กำลังอยากได้พอร์ทรูปสวยๆ เรานัดถ่ายรูปกันที่ ม.ราชภัฏอุดรธานี และโชคดีที่วันนั้นอากาศดีมาก แสงก็ดีมากๆในรอบหลายวัน เพราะช่วงนี้เป็นหน้าฝน ปกติฝนจะตกแทบทุกวัน
การตั้งค่ากล้อง
- โหมด A รูรับแสงกว้างสุดที่ f1.4
- ISO และ WB ตั้งเป็น Auto
- รูปแบบภาพ ภาพบุคคล
ว่าจะตั้ง WB เป็นเป็นแสงกลางวัน แต่ลืม แต่เท่าที่ดูภาพมันก็ไม่ได้ติดเหลืองมาก
ส่วนยังยังไม่มีความเห็นเกี่ยวกับ Jpeg มากนัก สีดีตามมาตรฐานของ Canon ไฟล์ยืดหยุ่นระดับหนึ่ง
แต่การทำงานจริง ผมแทบไม่ได้ใช้ Jpeg เลย ฉะนั้นก็จะเน้นพูดถึงไฟล์ RAW มากกว่า
ไฟล์ RAW สุดแจ่ม สกินโทนดีงามตามสไตล์ Canon
สกินโทน ดีไม่ดี ผมไม่ได้วัดตรงที่ถ่ายเป็นไฟล์ดิบๆ ไม่ว่าจะเป็น Jpeg หรือ Raw แล้วเอามาดูแค่นั้น เพราะมันไม่ใช่การใช้งานจริง
ผมเป็นช่างภาพ เวลาถ่ายงานจะถ่าย RAW แล้วแต่งรูป มันต้องได้แต่งรูปถึงจะรู้ว่าดีจริงไหม
แล้วเวลาถ่ายรูป ไม่ใช่กดถ่ายแค่ 2-3 ชอต แล้วเอามาสรุปกันว่าดีไม่ดี ผมใช้ Canon มานาน เจอกับนางแบบแทบทุกเฉดสีผิว เจอกับสภาพแสงที่หลากหลาย
สิ่งที่ Canon ทำมาได้ดีตลอด คือเวลาถ่ายรูปแล้วเจอสภาพแสงหลากหลายแบบ โทนผิวของนางแบบยังดูดีอยู่ ยิ่งถ่ายรูปย้อนแสงแล้วเอามาแต่ง รู้สึกสึกได้เลยว่าถ้าไม่ใช่ Canon มาเจอกรณีแบบนี้มันก็ยากอยู่นะ
แต่สิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับผม ที่ทำให้รู้สึกว่า ทำไมต้อง Canon
ผมเคยถ่ายรูปนางแบบผิวน้ำผึ้งหลายคน มีบางคนเคยถ่ายกับกล้อง Canon สมัยผมใช้ EOS R มาก่อน รู้สึกว่ากล้องมันถ่ายรูปออกมาผิวดูดี แต่งรูปก็ง่าย
พอเปลี่ยนกล้องแล้วรู้สึกว่าแต่งรูปยากขึ้น ทำไมโทนผิวไม่เหมือนเดิม ทั้งๆที่เป็นนางแบบคนเดิม
บางคนก็มาถ่ายรูปกับผมครั้งแรก รู้สึกว่าแต่งรูปให้เขาดูไม่สวย เป็นโทนผิวที่แต่งยาก ถ่ายครั้งที่ 2 เอากล้อง EOS R ไปด้วย แล้วนางแบบชอบรูปจากกล้องนี้มากกว่ากล้องอีกตัว
มันก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมกลับมามอง R5 อีกครั้ง แบบจริงจัง จากที่ปกติก็ติดตามข่าวมาเรื่อยๆ ตามประสาคนในวงการ ผมดูรีวิวแบบจริงจังอยู่เป็นเดือนๆ ค่อยติดสินใจซื้อ
สำหรับการแต่งรูป RAW จะมีโปรไฟล์สีมาให้ด้วย มีครบทั้ง R5 และ R6 รวมทั้ง RP
ซึ่งแต่ก่อนจะมีแค่ R ตัวเดียวที่ได้โปรไฟล์สี แต่มีการอัพเดทปี 2021 ทางแคนนอนได้ให้โปรไฟล์มายกชุด
ไฟล์ RAW ของ Canon มีขนาดค่อนข้างเล็กนะ เมื่อเทียบกับกล้องค่ายอื่น ถ้าจะให้เล็กกว่านี้ก็ถ่ายเป็น CRAW ได้
ส่วนตัวเลือกที่จะถ่าย RAW แบบเต็ม เพราะว่าขนาดมันไม่ได้ใหญ่มาก และจะมีชอตย้อนแสงอยู่บ่อยๆ มีความจำเป็นต้องดึงรูป
ตัวอย่างรูปถ่ายแบบชุดนักเรียน EOS R5 ตกแต่งแล้ว
โฟกัสดี จนลืมว่าใช้ Sigma ไม่ใช่เมาท์ตรง RF
นอกจากไฟล์ที่ถูกใจมาก การโฟกัสของ R5 แม้ว่าจะใช้เลนส์นอกค่ายที่เป็นเมาท์ EF ยังทำออกมาได้ดีเยี่ยม
ต่างจากตอนใช้ R กับ RP มากๆ คนละความรู้สึกกันเลย
R5 โฟกัสดี เหนือกว่ากล้องทุกตัวที่ผมเคยใช้
รวมทั้งโฟกัสถ่ายวิดีโอด้วย โฟกัสดวงตานี่ติดหนึบ ผมเคยใช้กล้องค่ายหนึ่ง ถ่ายวิดีโอแบบสโลว์แล้วหงุดหงิดมาก ตรงที่มันหลุดโฟกัสบ่อย
แต่ R5 ไม่เป็นแบบนั้นเลย เดินถอยเข้า ถอยออก ไม่มีหลุดโฟกัส
ไฟล์ HEIF ยังใช้งานใน Lightroom ไม่ได้
เป็นที่น่าเสียดายที่ Lightroom ยังไม่รองรับไฟล์ HEIF ผมลองจากกล้องค่ายอื่นที่มี HEIF ก็ยังใช้ไม่ได้
ดังนั้น ถ้าต้องการแต่งรูปด้วยไฟล์ที่ยืดหยุ่น ก็ยังต้องใช้ไฟล์ RAW
EOS R5 มีข้อเสียมั้ย ?
เป็นการใช้งานครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าจะเจอข้อเสียอะไร ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ การโฟกัส การควบคุมกล้อง มันดีเยี่ยม
แต่ในส่วนของการถ่ายวิดีโอ ถ้าใช้งานกล้องต่อเนื่อง แม้จะถ่ายเป็นภาพนิ่งก็ตาม อาจจะถ่ายวิดีโอต่อเลยไม่ได้ ต้องพักเครื่อง (เพราะตอนจะกดถ่ายมันขึ้นสัญญาณเตือน)
ส่วนการถ่าย 8K ผมยังไม่เคยลองนะ และคิดว่าคงไม่ได้ถ่าย เพราะไม่ได้ทำงานด้านนี้ แต่เท่าที่ดูรีวิวจากหลายๆคนเขาก็พูดเหมือนกัน ถ่าย 8K เครื่องร้อนง่าย และทำให้ถ่ายต่อเนื่องยาวๆไม่ได้
ส่วนตัว แม้แต่ความละเอียด 4K ยังไม่คิดจะถ่ายเลย ก็คงไม่มีผลต่องาน ผมซื้อกล้องมาเน้นถ่ายภาพนิ่งเป็นหลัก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แอบกังวลนิดๆ คือเรื่องของ “ขอบเซนเซอร์ละลาย” เคยเป็นประเด็นร้อนแรงในกลุ่ม ซึ่งทางศูนย์เขาก็จัดการซ่อมให้ฟรีครั้งแรก
แต่เครื่อง R5 ล็อตหลังๆ ยังไม่เจอปัญหานี้
สรุปการใช้งานครั้งแรกกับ Canon EOS R5
- เรื่องสกินโทน ไม่เคยมีข้อข้องใจเกี่ยวกับ Canon อยู่แล้ว ดีแบบไหนก็ดีแบบนั้นเสมอมา และพอเป็น R5 ไฟล์ RAW มีความยืดหยุ่นสูง ก็ยกระดับการแต่งรูปขึ้นไปอีกขั้น
- ในส่วนของการโฟกัส เป็นเพราะเคยใช้ R RP มาก่อน ดีแบบกลางๆ ไม่ได้ดีมาก แต่พอเป็น R5 ความรู้เปลี่ยนเลย Canon มาไกลมากๆ เทคโนโลยีการโฟกัสห่างชั้นกับกล้องรุ่นเดิมแบบคนละเรื่องเลย
- วิดีโอ โฟกัสดีแบบประทับใจ
- ความยืดหยุ่นของไฟล์ เดี๋ยวขอทดสอบอีกทีกับการถ่ายภาพหลายๆสถานการณ์ ถ้ามีเวลา ผมจะเอากล้องไปถ่ายวิวบ้าง แต่ช่วงนี้ฝนตกชุก ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป