ปกติผมถ่ายไฟล์ RAW ตลอดนะ แต่รอบนี้ JPG ล้วนๆ เพราะอยากสัมผัสความเป็นฟูจิให้เต็มที่ ใช้กล้อง X-T20 กับเลนส์ 35mm f1.4
ความเจ๋งของกล้อง X-T20 ก็คือ ใช้เลนส์รุ่นเก่าแล้วโฟกัสได้ค่อนข้างเร็ว ที่สำคัญมันไม่มี Low pass filter ทำให้ถ่ายภาพออกมาได้คมใส
ตัวเลนส์ 35mm f1.4 เองก็ให้ภาพที่คมใสอยู่แล้ว ใส่กับ X-A5 ที่ยังมี Low pass filter ยังแยกไม่ออกเลยว่าภาพไหนของ X-A5 ภาพไหนของ X-T20
จุดสำคัญอยู่ที่เลนส์จริงๆ เลนส์ทำให้ภาพแตกต่าง ใช้กล้องฟูจิตัวไหนก็ให้ภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก ที่แตกต่างก็คงเป็นเรื่องของประสิทธิภาพและฟีเจอร์ต่างๆของกล้องมากกว่า
ทำไมถ่าย JPG
ถ่ายเพราะอยากลองเฉยๆน่ะ ที่ผ่านมาผมจะถ่าย RAW ..และรู้สึกว่าถ่าย JPG จะยากกว่าด้วยซ้ำ ต้องถ่ายรูปให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะรูป JPG มันแก้ยาก ถ่ายเสียบางทีก็เสียไปเลย แต่ RAW สามารถทำให้รูปที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
ส่วนข้อดีของการถ่าย JPG ก็คือ โปรแกรมจากกล้องมันช่วยแต่งมาให้ในระดับหนึ่ง เอาไปแต่งต่อถ้าไม่ได้ขุดอะไรมาก หรือแก้ WB ผมว่าเป็นงานที่ง่าย
JPG ของฟูจิ
ฟูจิเป็นกล้องที่ขึ้นชื่อในด้านนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งค่าเยอะก็ถ่ายออกมาให้ดูสวยได้ ถ้าเก่งๆหน่อยก็ใช้ฟูจิจบหลังกล้องได้เลย
แต่ส่วนตัวไม่สามารถถ่ายจบหลังกล้องได้ ชอบแต่งรูป รู้สึกว่ามันยังดีกว่านี้ได้อีก แม้ว่าจะเป็น JPG ก็ตาม
พอร์ทเทรตด้วยเลนส์ 35mm f1.4
ตัวนี้ไม่ใช่เลนส์ที่ดีที่สุดสำหรับพอร์ทเทรต แต่ถ้าใครถามจะถ่ายพอร์ทเทรตใช้เลนส์ตัวไหนดี ระหว่าง 35mm f1.4 กับ 56mm f1.2
ผมจะตอบ 35 แม้ว่า 56 จะดีกว่าทุกอย่าง
คือถ้าอยู่ในระดับที่เรียกว่า “มือใหม่” เลนส์ 35mm f1.4 นี่เหมาะสุดแล้ว เพราะ..
- จัดองค์ประกอบง่าย ใช้พื้นที่ถ่ายไม่มาก
- พกพาง่าย
- โฟกัสไกล้ ถ่ายรูปอาหารและสิ่งต่างๆได้อีกสารพัด
รวมๆแล้วช่วย “สร้างโอกาสถ่ายรูปได้มากกว่า” เพราะถ้าพก 56mm ไป บางที่ถ่ายไม่ได้ เพราะพื้นที่ไม่มี สำหรับมือใหม่ โอกาสได้ถ่ายรูปบ่อยๆ มันสำคัญกว่า
แต่ถ้ามีแผนจะไปออกทริปถ่ายรูปกับช่างภาพคนอื่นๆ เลือก 56mm f1.2 ไปเลยก็ได้ เพราะช่วงภาพส่วนใหญ่เขาใช้เลนส์ระยะนี้
ตั้งค่ากล้อง
รูปทั้งหมดในนี้
- โปรไฟล์สีมาตรฐาน
- โหมด A ค่า F1.4 ทุกรูป
- ISO auto 200-3200
- เปิด Face / Eye Detection
- ขนาดรูปภาพ Fine
จริงๆแล้วปรับได้อีกเยอะเลยนะ แต่ผมถ่ายเพื่อเอามาแต่งรูป ก็ปรับค่าให้ดูกลางๆไว้ก่อน
การละลายหลัง
35mm f1.4 ละลายหลังในแบบที่พอเห็นฉากหลัง ..อยากรู้ว่าเลนส์ตัวไหนละลายมากหรือน้อย เอาระยะเลนส์หารกับค่ารูรับแสง
เช่น
- 23mm f1.4 = 16
- 35mm f1.4 = 25
- 56mm f1.2 = 46
ได้ผลลัพธ์ออกมามาก นั่นคือละลายหลังมากสุด
การละลายหลังของ 35mm f1.4 จะพอมองเห็นรูปร่างของฉากหลัง ต้นไม้ก็ยังเป็นต้นไม้ ไม่ได้ละลายหายไป
ถ่ายไกล้ก็จะละลายมากหน่อย
ถ่ายเต็มตัวนี้ก็พอได้ ขึ้นกับฉากหลังด้วยแหล่ะ ฉากหลังอยู่ห่างจากแบบมากเท่าไหร่ ก็ละลายมากขึ้นเท่านั้น
หรือจะถ่ายหน้าเบลอหลังชัดทำได้หมด
เรื่องการละลายหลังไม่ต้องห่วง มันทำได้ดีแบบน่าพอใจมากแล้ว
แต่ถ้าอยากได้โบเก้ใหญ่ๆด้วย เลนส์ตัวนี้ยังทำได้ไม่ดีนัก ถ้าอยากได้แบบนั้น แนะนำเลือกใช้เลนส์ระยะ 50mm ขึ้นไป ของฟูจิก็มีอยู่หลายตัว
ถ่ายรูปย้อนแสง
ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันโอเคในระดับหนึ่งเลยล่ะ
เสียดายว่าแสงวันนั้นมีน้อย เลยได้รูปย้อนแสงมาไม่มาก ส่วนหนึ่งเพราะช่วงฤดูหนาวมันค่ำเร็ว ถ่ายรูปสักพักบางทีมีเมฆครึ้มมาละ
ข้อสังเกต
- ถ่าย JPG จะเจอขอบม่วงน้อยมาก เพราะกล้องมันแก้ให้
- ถ่าย RAW จะเจอขอบม่วงที่เด่นชัดกว่านี้ แต่แก้เองได้ง่ายๆ ถ้าใช้ Lightroom กดเปิด ลบ CA
โทนผิว
แม้ว่าโปรแกรมแต่งรูปจะทำโทนผิวให้สวยขึ้นได้ แต่กล้องและเลนส์จะมีลักษณะเฉพาะ ให้แต่งยังไงโปรแกรมก็เลียนแบบได้ไม่เหมือน ทำได้ก็ยาก
และแม้ว่าจะเป็นกล้องยี่ห้อเดียวกัน แต่ใช้เลนส์ต่างกัน โทนผิวก็ต่างกันแล้ว
35mm f1.4 จะเป็นแบบคมใส โทนผิวมันดูเด้งๆ ถ้าเจอช่วงแสงดีๆจะมีความเป็น 3D Pop อยู่นิดๆ แต่รูปถ่ายเซ็ตนี้ไม่ได้เจอแบบนั้น แสงมันต้องได้จริงๆ
และไม่ใช่ทุกเลนส์ที่จะเป็นแบบนี้ อย่าง 56mm f1.2 ทำโทนผิวให้ดูนวลๆ คาแรคเตอร์มันคือเลนส์ที่เกิดมาเพื่อพอร์ทเทรตโดยเฉพาะ
ต่างกันกับ 35mm f1.4 เขาออกแบบมาเป็นเลนส์ติดกล้อง ถ่ายรูปหลากหลาย
อีกหนึ่งความดีงามของฟูจิ + ไฟล์ JPG มีแสงสะท้อนจากภายนอกมากระทบผิวน้อยมาก ถ่ายกับต้นไม้มีติดเขียวบ้าง แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่แย่
ความคม
คมแบบผิวนวล ไม่คมเลือดสาด ปรับที่ f2 ภาพจะดูคม แต่ผมใช้ f1.4 ตลอด
ที่ f1.4 ไม่ได้คมที่สุด แต่ภาพไม่ได้ฟุ้งจนเป็นปัญหา
การโฟกัส
35mm f1.4 ไม่ใช่เลนส์ที่เร็ว เป็นเลนส์รุ่นแรกที่เปิดตัวมาพร้อมกับ X-Pro 1
แต่เอามาใส่กับ X-T20 แล้วไม่ได้รู้สึกว่ามันช้า เพียงแต่มันไม่เร็วเท่าเลนส์รุ่นใหม่ๆ
สำหรับการถ่ายรัวๆ ถ้าเจอช่วงแสงดีๆไม่มีปัญหานะ จุดโฟกัสไม่มีแสงอาจจะถ่ายวืด
ถ้าถ่ายรัวแนะนำ
- โหมดโฟกัส Continue
- โหมดถ่ายรัว CH
- โฟกัสแบบติดตาม
วันถ่ายลืมตั้งโฟกัส Continue ภาพส่วนใหญ่เลยเบลอๆ จะว่าไป 35mm f1.4 ไม่เหมาะกับการถ่ายที่มีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
การต่อยอด
พอจะเอาไปใช้งานจริง ก็ต้องเอารูปมาแต่งอยู่ดี แต่งเบาๆก็พอใช้ได้ โดยเฉพาะกับรูปพอร์ทเทรต แค่ JPG ก็ได้ เพราะไม่ต้องขุดมาก
แต่ถ้าสนใจจะเป็นนักแต่งภาพ แม้ว่า JPG จะสวย แต่งต่อได้ แต่ถ่าย RAW จะไปได้ไกลกว่านี้นะ
และการพยายามจบหลังกล้องให้ออกมาสวย ผมมองว่าบางทีฝืนเกินไป เพราะรูปมันไปได้ไกลกว่านี้
แล้วการแต่งรูปมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แอพมือถือก็ทำได้ ยิ่งถ้าถ่าย JPG นะ จะใช้ได้กับทุกแอพ (แอพส่วนใหญ่เปิด RAW ไม่ได้)
สรุป
- 35mm f1.4 เหมือนเป็นเลนส์ที่สร้างเพื่อกล้อง X-T20 อย่างแท้จริง ประกอบใส่กันแล้วดูลงตัว
- ไฟล์ JPG ดูสวยกว่าที่คิดไว้มาก เอามาแต่งต่อนิดๆหน่อยๆก็สวยถูกใจแล้ว
- จะถ่าย JPG หรือ RAW ? ไม่เกี่ยวกับว่ารับงานหรือไม่รับงาน ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาภาพไปทำไรต่อมากกว่า
- สำหรับผม 35mm f1.4 มันคือ The Best ในแง่ของความสะดวกการพกพา ใส่กระเป๋าใบเล็ก ยังมีที่ว่างเหลือให้ใส่เลนส์ตัวอื่นอีก
แถมๆ
35mm f1.4 vs 23mm f1.4
อีกตัวที่น่าสนใจคือ 23mm f1.4 หนักและแพงกว่าเยอะ ละลายหลังน้อยกว่า แต่ได้ภาพมุมกว้างกว่า
- ซ้ายถ่ายด้วย 35mm f1.4 ยืนห่าง 5 เมตร
- ส่วนตัว 23 จะขยับเข้ามาไกล้อีก เพื่อให้ได้มุมที่เหมือนๆกัน
เอาไว้มีโอกาสถ่ายรูปอีก เดี๋ยววัดให้ดูจริงจังกว่านี้ ส่วนตัวเวลาไปถ่ายจะพก 23mm f1.4 คู่กับ 35mm f1.4
บางทีก็ 23mm f1.4 คู่กับ 56mm f1.2
ตัว 23mm จะขาดไม่ได้ เอาไว้ถ่ายในพื้นที่แคบๆอย่างคาเฟ่ ออกมาข้างนอกก็สลับเป็น 35 หรือ 56
จริงๆ ทั้งสามตัวมันใช้เลนส์พอร์ทเทรทได้เลยนะ ละลายหลังมากน้อยไม่สำคัญ เท่ากับเราใช้เลนส์ระยะให้เป็น
ตัวอย่างเล็กน้อยจาก 23mm f.4