เคยรีวิว EOS RP ไปรอบหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้ซื้อมาใช้เอง เพราะอยากได้กล้องฟูลเฟรมที่เบาๆมาใช้ เน้นเอาไว้ติดเลนส์ตัวเล็กๆ ถ่ายเล่นๆมากกว่าถ่ายงาน
ส่วนตัวมี EOS R อยู่แล้ว แต่มันหนัก เอาไว้ใช้งานหนักๆ ติดเลนส์ Sigma เน้นคุณภาพสูงสุด แต่ที่ซื้อ RP มาเพราะจะเอามาติดกับเลนส์ RF 35mm f1.8 และเลนส์เล็กๆตัวอื่นๆในอนาคต
รีวิวเก่า แนะนำอ่าน > รีวิว Canon EOS RP ฟูลเฟรมร่างเล็ก ในราคาจับต้องได้
รีวิวนี้จะเน้นการใช้งานคู่กับเลนส์ RF 35mm f1.8
สเปคกล้อง EOS RP
- เซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรม 26 ล้านพิกเซล
- ระบบประมวลผล DIGIC 8
- ระบบ Focusแบบ Dual Pixels พร้อมจุดโฟกัส 4,779ตำแหน่ง
- ระบบโฟกัสดวงตา Eye Detection AF
- ช่องมองภาพ OLED ความละเอียด 2.36 ล้านจุด
- จอ LCD ขนาด 3 นิ้ว พับและพลิกหมุนจอได้
- ความไว Shutter 30″ – 1/4000 sec.
- ISO 50 – 102400
- หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว รองรับระบบ Touchscreen
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5fps
- Video 4K 25p , FHD 60p
- เชื่อมต่อผ่าน WIFI , Bluetooth และ HDMI
- ใช้งานแบตเตอรี่ LP-E17
- น้ำหนัก 485กรัม (รวมแบตเตอรี่ )
ราคา EOS RP
ราคาประกันศูนย์ไทย ที่ดูๆอยู่ตอนนี้มี 32,330–48,900 บาท
ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้าน เดี๋ยวปรับขึ้นปรับลง ต้องคอยตามข่าว
เทียบกับ EOS R
RP เอาตามความเป็นจริงนี่ เป็นรอง R เยอะมากนะ แค่ราคาก็ห่างกันเท่าตัว
ส่วนที่เป็นข้อดีคือ RP มันดีตรงที่เล็กเบา น้ำหนัก 4 ร้อยกว่าๆ เบาพอๆกับกล้อง APS-C ชุดเลนส์ตัวเล็กก็ยังพอมีอยู่ เพียงแต่ต้องต่ออแดปเตอร์
อีกอย่างคือเรื่องของความง่าย จะบอกว่ามันคือ EOS m50 ขยายร่างก็ว่าได้ ความง่ายของ RP มันง่ายจนอยากบอกว่า ใช้งานง่ายกว่ากล้อง APS-C บางตัวอีก
แต่ส่วนที่น่าเสียดายมากๆ โหมดโฟกัสมือหมุนของ RP ไม่มี Guide Focus แบบ R คือฟีเจอร์อันนี้มันเทพมาก
นอกนั้นก็มีเรื่องของการถ่ายรัว แบต และเสปคอื่นๆอีกจุกจิก ที่เป็นรองเขา
คือ R มันระดับกึ่งโปรไปจนถึงโปร ส่วน RP ระดับมือใหม่จนถึงกึ่งโปร
แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องรับงาน RP มันทำได้สบายๆอยู่แล้ว งานแต่ง งานชวช งานรับปริญญา ได้หมด ที่ทำได้ลำบากคืองานที่ใช้ความเร็วสูง ด้วยการรัวที่จำกัด มันไม่ใช่กล้องที่จะเอามาถ่ายงานกีฬา
และอีกอย่างคือ “วัสดุ” RP ที่มันเบาเพราะบอดี้เป็นพลาสติกแข็ง เทียบกับ R เวลาจับถือ ตัวนั้นจะรู้สึกได้เลยว่ามีความทนทานและดูพรีเมี่ยม
EOS RP GOLD
ตัวที่ผมซื้อเป็นรุ่นทำสีเศษนะ ประกันร้าน ก็จะเสี่ยงๆหน่อย แต่ส่วนตัวชอบสีนี้มากๆ ตรงกับรสนิยมก็เลยยอมซื้อ เพราะอาจจะหาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว
แต่ถ้าคุณจะใช้กล้องยาวๆ ไปซื้อกล้องศูนย์ไทยดีกว่านะ แม้จะมีเฉพาะสีดำ แต่ก็จะได้ความอุ่นใจ เพราะเป็นประกันศูนย์มีผู้เชียวชาญโดยตรงคอยดูแล และเมื่อขายมือสองราคาจะไม่ตกมาก
ตอนแรกที่ซื้อมา กะว่าจะใช้แค่บอดี้เพรียวๆ แต่สุดท้ายก็ได้ใส่กริป เพราะกริปมันไม่ได้หนัก ติดแล้วดูเก๋ดี
ใช้งานคู่กับเลนส์ RF 35mm f1.8 Macro
เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก ผมจะเอามาใช้คู่กับเลนส์ตัวเล็กๆ 35mm เป็นระยะที่ผมถนัดอยู่แล้ว เอามาถ่ายทั่วๆไป และแนวพอร์ทเทรตบ้าง
ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือมันเป็นเลนส์มาโคร ถ่ายอะไรได้สนุกมากขึ้น
อยากจะบอกอีกว่า กล้องฟูลเฟรมมันจะมีโหมดครอป APS-C อย่าง EOS RP ก็จะคูณ 1.6 ทำให้ตอนใช้เลนส์ฟิก เหมือนได้เลนส์สองตัว
ระยะ 35mm คูณ 1.6 ก็จะได้ระยะ 55mm แม้ความละเอียดจะเหลือ 10 ล้านพิกเซล ใช้งานได้เหลือเฟือ
และภาพไม่ได้ดรอปลง แค่ตัดขอบภาพออกเท่านั้น
ซึ่งคุณสมบัติอันนี้ มันดีสำหรับการถ่ายมาโคร ทำให้ซูมถ่ายสิ่งของเล็กๆได้ไกล้มากขึ้น หรือจะเป็นภาพแนวอื่นๆ ถ่ายสตรีทอะไรงี้ ก็เหมือนมีเลนส์ 2 ระยะในเลนส์ตัวเดียว
ภาพถ่ายพอร์ทเทรต
- เลนส์ RF 35mm f1.8
- ไฟล์ JPG
- จบหลังกล้อง + ใส่รายน้ำ
35mm f1.8 ตัวนี้เป็นเลนส์มาโคร ภาพคม ใส และสว่าง ซึ่งวันที่ถ่าย ตอนนั้นฟ้าครึ้มและมีฝนตก ปรับชดเชยแสงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ภาพดูถูกใจมาก
เรื่องความคมไม่มีอะไรต้องห่วง ด้วยความที่เป็นเลนส์มาโคร มันจะคมมากๆ แต่โทนผิวอาจจะไม่ได้ดูเนียนเหมือนกับใช้เลนส์ L (เลนส์เกรดโปร)
ส่วนตัวอยากให้ออก RF 50mm f1.8 มาเร็วๆ เพราะชอบถ่ายพอร์ทเทรตระยะนี้มากๆ
เท่าที่ถ่ายๆมา โฟกัสเร็วใช้ได้ Eye AF เดี๋ยวนี้ก็พัฒนาดีขึ้นมากๆแล้ว ตามติดได้ดี
และตัวเลนส์มันมีกันสั่นด้วยนะ ช่วยให้ถ่ายภาพได้นิ่งขึ้นในระดับหนึ่ง
การจับถือ
ผมเป็นคน “มือเล็ก” มือเท่าผู้หญิงน่ะคิดง่ายๆ การจับกระชับมือมากกว่า R
แฮนกริปของ R มันจะหนาๆหน่อย เรียกว่าเข้ามือทั้งคู่แหล่ะ แต่ R ให้ฟิลการจับแบบ DSLR
ส่วน RP ได้ฟีลมิเรอร์เลส
โหมดที่ใช้งานบ่อยๆ
ถ่ายรูปส่วนใหญ่ก็ AV กับ P ยกเว้นถ่ายกลางคืนที่ต้องการลากไฟก็จะใช้โหมด M
สำหรับมือใหม่มากๆ กล้องมีโหมด A+ เป็นโหมดอัตโนมัติ เล็งแล้วถ่ายอย่างเดียว
แอดวานซ์กว่าหน่อยก็มีโหมด SCN จะถ่ายฉากไหนเลือกเอาเลย กล้องปรับค่าให้ ไม่ว่าเป็น ภาพบุคคล ภาพวิว ดอกไม้ อาหาร กลางคืน HDR เด็ก ฯลฯ
ภาษาอังกฤษ-ญี่ปุ่น
เครื่องที่ผมใช้เป็นรุ่น Gold Edition ปกติเขาวางขายเฉพาะญี่ปุ่น ร้านไทยก็หิ้วมาขาย
ดังนั้นภาษาเครื่องจะมีเฉพาะอังกฤษกับญี่ปุ่น ไม่มีไทยให้เลือกนะ
แต่ RP สีดำ มีภาษาไทยอยู่นะ
แบต
สิ่งที่หลายคนกังวลคือเรื่องของแบต ตามสเปคคือ 250 ชอต ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นั่นคือปกติทุกยี่ห้อล่ะ เขาจะกำหนดสเปคแบตไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่แล้ว
ที่ผมเอาไปใช้งานวันนั้น ถ่ายไป 270 ชอต เวลาใช้งานราวๆ 2 ชั่วโมง “แบตยังเหลือเต็มขีด“
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช่งานของแต่ละคน ผมจะมองจอ LCD เป็นหลัก มอง EVF ไม่ถึง 10 ครั้ง กดดูรูปบ้างเป็นครั้งคราว
ถ้าจะเอาให้แบตหมด คิดว่าน่าจะถ่ายได้เป็น 1000 ชอต แบตถึงจะหมด
แต่ทั้งนี้ ขอย้ำว่า “ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน” สำหรับคนที่จะเน้นท่องเที่ยว หรือรับงาน อย่างไรก็ต้องมีแบตสำรองไว้อีกก้อนสองก้อนอยู่แล้ว
เลนส์ตัวต่อไป ?
ตอนนี้มีเลนส์ RF 35mm f1.8 อยู่ตัวเดียว ที่เป็นเลนส์เบาๆติดกล้อง อนาคตคิดว่าจะหาเลนส์ EF 50mm f1.8 กับ EF 85mm f1.8 มาเสริม
ส่วนเลนส์สำหรับเที่ยวๆ กำลังเล็งๆ RF 24-105mm f4L ไม่ก็ Samyang 14mm f2.8 AF ที่จะเริ่มวางขายเดือนนี้ ก็กำลังรอดูราคาอยู่ว่าจะออกมาเป็นยังไง
จริงๆอยากได้ RF 24-80 F4 เลนส์มันจะเล็กและเบากว่า เริ่มมีข่าวออกมาบ้างแล้ว แต่น่าจะอีกนานกว่าจะวางขาย
สำหรับเลนส์ชุดทำงานผมมีอยู่สองตัว Sigma 35 f1.4 กับ 50 f1.4 เป็น Art ทั้งสองตัว เลนส์ค่อนข้างหนัก เอาไว้ใช้กับ EOS R ซึ่งมันจะสมดุลกว่า
สรุปการใช้งาน
- ตอนนี้ติดใจ RP มากกว่า R เสียอีก กระชับมือ พกพาสะดวก
- กล้องเบา แต่เป็นพลาสติกแข็ง ติดเลนส์ 35mm f1.8 แล้วโย้หน้า ตั้งตรงๆไม่ได้
- ถ้าเคยอ่านรีวิวเก่าๆ ไม่ว่าดูมาจากที่ไหน อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อข้อมูลนั้นไปหมด เพราะตอนนั้นเป็นเฟิร์มแวร์เก่า ส่วนปัจจุบันเฟิร์มแวร์ใหม่ล่าสุด 1.4.0 ทำให้กล้องน่าใช้มากๆ ไม่ว่าจะเป็น Eye AF ที่เทพขึ้น และถ่ายวิดีโอ 24p ได้
- ในอนาคตถ้าจะทำ RP รุ่น 2 อยากให้เขาทำสี Silver ให้เป็นอีกตัวเลือก หรือทำรุ่นที่ใช้วัสดุพรีเมี่ยมขึ้นมาหน่อยก็ได้ แต่ขอเป็นฟูลเฟรมตัวเล็กๆแบบนี้